ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคำนวณอย่างไร?

ปกบทความภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคำนวณอย่างไร

สารบัญ

บทนำ

  1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคืออะไร?
  2. ใครต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  3. เมื่อมีเงินได้เกิดขึ้นผู้เสียภาษีต้องทำอย่างไร
  4. หลักในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  5. สูตรในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  6. อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ขั้นตอนในการคำนวณภาษีและยื่นแบบ

  1. ขั้นตอนที่ 1 : การรวบรวมเอกสาร
  2. ขั้นตอนที่ 2 : ระบุเงินได้พึงประเมิน
  3. ขั้นตอนที่ 3 : การหักค่าใช้จ่าย
  4. ขั้นตอนที่ 4 : การหักค่าลดหย่อน
  5. ขั้นตอนที่ 5 : การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องชำระ
  6. แบบภาษีที่เกี่ยวข้อง
  7. สรุป

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคืออะไร?

          ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลธรรมดาที่มีเงินได้ (รายได้) เข้ามาในระหว่างปีภาษี หากไม่มีกฎหมายยกเว้นให้ ทุกๆบุคคลผู้มีเงินได้ก็ต้องเสียภาษี

ใครต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

กลุ่มของบุคคลที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีดังต่อไปนี้

  1. บุคคลธรรมดา – คนทั่วไปที่มีรายได้
  2. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
  3. ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
  4. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง
  5. วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

เมื่อมีเงินได้เกิดขึ้นผู้เสียภาษีต้องทำอย่างไร

  1. ในกรณีที่ผู้เสียภาษีมีเลขบัตรประจำตัวประชาชนอยู่แล้ว สามารถใช้เลขดังกล่าวในการยื่นเสียภาษีได้เลย
  2. แต่หากผู้เสียภาษีไม่มีเลขบัตรประชาชน เช่น เป็นคนต่างด้าว หรือกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ก็จะต้องขอเลขผู้เสียภาษีภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีเงินได้เกิดขึ้น โดยให้ยื่นคำร้อง ณ สรรพากรพื้นที่นั้นๆ

หลักในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะแบ่งเป็น 2 หลักการดังนี้

  1. หลักแหล่งเงินได้ – สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นในไทย เนื่องจาก หน้าที่งาน หรือกิจการที่ทำในประเทศไทย หรือกิจการของนายจ้างในประเทศไทย หรือ ทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย
  2. หลักถิ่นที่อยู่ – สำหรับผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในไทยรวมกันถึง 180 วัน ในปีภาษีใด และมีเงินได้จากแหล่งเงินได้ ในต่างประเทศ เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สิน ที่อยู่ในต่างประเทศ และผู้มีเงินได้นำเงินได้นั้น เข้ามาในไทยภายในปีภาษีเดียวกับปีที่เกิดเงินได้นั้น

สูตรในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ก่อนจะทำความเข้าใจสูตรในการคำนวณภาษี เราจะต้องเข้าใจความหมายของตัวแปรแต่ละตัวในสูตรการคำนวณเสียก่อน มาทำความเข้าใจเบื้องต้นกันก่อนดังนี้

เงินได้พึงประเมิน : รายได้ของบุคคล ซึ่งตามกฎหมายกำหนดเอาไว้ 8 ประเภท 40(1) – 40(8)

ค่าใช้จ่าย : ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้พึงประเมินบางประเภทสามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ บางประเภทก็ไม่สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ และเงินได้แต่ละประเภทก็หักค่าใช้จ่ายได้ไม่เท่ากัน ตามที่กฎหมายกำหนด

ค่าลดหย่อน : ในการคำนวณภาษี บุคคลแต่ละบุคคลสามารถหักค่าลดหย่อนได้เพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับสถานะของแต่ละบุคคล เช่น การหักค่าลดหย่อนส่วนตัว บุตร การซื้อเบี้ยประกันภัย เป็นต้น

ผู้อ่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมของตัวแปรแต่ละตัวอย่างละเอียดได้ตามบทความด้านล่างนี้

  1. เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภทมีอะไรบ้าง? 
  2. บุคคลธรรมดาหักค่าใช้จ่ายอย่างไรในการคำนวณภาษี 
  3. อัพเดทการหักค่าลดหย่อนบุคคลธรรมดาปี 2567 

           สูตรใจการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบ่งออกเป็น 2 วิธี ซึ่งจะต้องนำมาเปรียบเทียบกันและเลือกเสียภาษีตามวิธีที่คำนวณออกมาได้มากกว่า ดังต่อไปนี้

วิธีที่ 1 : คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินได้สุทธิ

เงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

วิธีที่ 2 : คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินได้พึงประเมิน

ในกรณีที่เรามีเงินได้นอกเหนือจากเงินได้ 40(1) เกิน 1 ล้านบาทต่อปี เราจะต้องคำนวณภาษีวิธีที่ 2 ด้วยโดยนำเงินได้พึงประเมินนอกจากเงินได้ที่เป็นเงินเดือน 40(1) มาคูณ 0.5% เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับการคำนวณภาษีตามวิธีที่ 1 วิธีใดได้ผลลัพท์ที่สูงกว่าให้เลือกเสียภาษีตามวิธีนั้น

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา = เงินได้ประเภทที่ 2-8 (รวมกัน) x 0.5%

วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา by BMU

อ้างอิงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง : มาตรา 48(2) , พระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 480

อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

          อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทยจัดเก็บด้วยอัตราก้าวหน้ากล่าวคือผู้ที่มีเงินได้สุทธิมากก็จะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าผู้ที่มีเงินได้สุทธิน้อยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม สามารถสรุปได้ดังนี้

ตารางอัตราเงินได้บุคคลธรรมดา by BMU

เนื้อหาในส่วนถัดไปจะเป็นการอธิบายขั้นตอนในการคำนวณภาษี ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 : การรวบรวมเอกสาร

           ผมคิดว่าทุกๆบุคคลควรจะมีการจัดทำรายละเอียดรายรับเอาไว้พร้อมกับเอกสารประกอบกับรายรับ เพราะในการคำนวณภาษีนั้นเราจะต้องกรอกเงินได้พึงประเมินของเราลงไปว่าเรามีรายรับทั้งปีเท่าไหร่

           สำหรับบุคคลที่เลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาอาจไม่จำเป็นต้องจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายเอาไว้ก็ได้เพราะอย่างไรก็ตามเราเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาอยู่แล้ว แต่หากใครที่จะเลือกวิธีหักค่าใช้จ่ายตามจริง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายเอาไว้ให้ถูกต้อง พร้อมเอกสารประกอบรายจ่าย เพื่อเป็นหลักฐานในการหักค่าใช้จ่ายตามจริงนั้นเอง

          ลองมาดูตัวอย่างบัญชีรายรับรายจ่ายได้ที่นี่ : บัญชีรายรับรายจ่าย แจกตัวอย่างฟรี พร้อมวิธีการจัดทำ

          ยกตัวอย่างการคำนวณเช่น นาย ก มีเงินได้พึงประเมินจากเงินเดือน 40(1) เดือนละ 100,000 บาท ต่อเดือน และมีเงินได้จากการขายของออนไลน์ 40(8) ทั้งปีที่ 500,000 บาท ในการขายของออนไลน์นาย ก ไม่ได้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายเอาไว้ จึงต้องเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา

รายละเอียดค่าลดหย่อนของนาย ก มีดังนี้

  1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
  2. ค่าลดหย่อนมารดา 30,000 บาท
  3. เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป 50,000 บาท
  4. ซื้อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ RMF เป็นจำนวน 10,000 บาท (RMF)

ขั้นตอนที่ 2 : ระบุเงินได้พึงประเมิน

จากโจทย์ตัวอย่างที่กำหมดมาให้เห็นได้ว่าเงินได้พึงประเมินของนาย ก มี 2 ประเภทคือ

เงินเดือน 40(1) เดือนละ 100,000 บาท ต่อเดือน ดังนั้นนาย ก มีเงินเดือน 40(1) 100,000 x 12 = 1,200,000 บาท ต่อปี

เงินได้จากการขายของออนไลน์ 40(8) 500,000 บาท ต่อปี

ขั้นตอนที่ 3 : การหักค่าใช้จ่าย

          เงินได้พึงประเมินแต่ละประเภทนั้นจะหักค่าใช้จ่ายได้ไม่เท่ากัน หากเป็นเงินได้ 40(1) จะหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท หากเป็นเงินได้จากการขายของออนไลน์ 40(8) หักค่าใช้จ่ายได้อัตราเหมาที่ 60% นั่นคือ 500,000 x 60% = 300,000 บาท แสดงรายละเอียดการคำนวณได้ดังนี้

การหักค่าใช้จ่าย by BMU

นาย ก มีเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,300,000 บาท

ขั้นตอนที่ 4 : การหักค่าลดหย่อน

เมื่อหักค่าลดหย่อนต่างๆตามที่โจทย์กำหนด นาย ก มีเงินได้สุทธิดังนี้

การหักค่าลดหย่อน by BMU

เงินได้สุทธิของนาย ก เท่ากับ 1,150,000 บาท

ขั้นตอนที่ 5 : การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องชำระ

เมื่อได้เงินได้สุทธิมาแล้วขั้นต่อไปก็ต้องเอามาเข้าตารางอัตราภาษีเพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนี้

การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

อย่างไรก็ตามจะต้องคำนวณภาษีวิธีเงินได้พึงประเมินด้วย เพื่อนำมาเปรียบเทียบกันและเลือกอันที่สูงกว่า

เงินได้จากการขายของออนไลน์ 40(8) คือ 500,000 บาท x 0.5% = 2,500 บาท

นาย ก มีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องเสียจำนวน 152,500 บาท (เลือกวิธีที่เสียภาษีสูงกว่า)

แบบภาษีที่เกี่ยวข้อง

แบบ ภงด 90 – เป็นแบบภาษีประจำปีใช้ในกรณีที่มีเงินได้พึงประเมิน 40(1) – 40(8) หลายประเภท หรือประเภทเดียวที่ไม่ใช่ 40(1)

แบบ ภงด 91 – เป็นแบบภาษีประจำปีใช้ในกรณีที่มีเงินได้พึงประเมิน 40(1) ประเภทเดียว

แบบ ภงด 94 – เป็นแบบภาษีครึ่งปีใช้ในกรณีที่มีเงินได้พึงประเมิน 40(5) – 40(8)

สรุป

          ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นภาษีที่ทุกคนควรทำความเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทุกคนที่มีเงินได้มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ในบทความนี้เราได้เรียนรู้หลักการและวิธีการในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หวังว่าจะทำให้ทุกท่านเข้าใจมากยิ่งขึ้นนะครับ

This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.