สารบัญ
ภ.พ.20 คืออะไร?
ภ.พ.20 (ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) คือ เอกสารที่ยืนยันว่าผู้ประกอบการได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มและยื่นแบบ ภ.พ.30 เป็นประจำทุกเดือน เอกสาร ภ.พ.20 ควรจัดเก็บไว้ที่สถานประกอบการที่สามารถเห็นได้โดยง่าย
ตัวอย่าง ภ.พ.20

ข้อมูลสำคัญใน ภ.พ.20 (ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีดังนี้
-
- เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
- ชื่อผู้ประกอบการ
- ชื่อสถานประกอบการ
- ที่อยู่ของกิจการ
- โทรศัพท์
- วันที่ให้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vat : ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร?
ใครบ้างที่ต้องมี ภ.พ.20
ตามกฎหมายผู้ประกอบการรายใดที่มียอดรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการเกินกว่า 1.8 ล้านบาท ต่อปี จะต้องเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือผู้ประกอบการรายใดที่ถึงแม้ว่ายอดรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ก็สามารถเข้าสู่ระบบได้เช่นเดียวกัน
ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าสู่ระบบต้องดำเนินขั้นตอนในการขอเอกสาร ภ.พ.20 (ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) จากสรรพากร
ขั้นตอนในการขอ ภ.พ.20
สำหรับวิธีในการขอเอกสาร ภ.พ.20 หรือ ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มีด้วยกันอยู่ 2 วิธี ดังนี้
-
- การขอจดทะเบียน Vat ในรูปแบบกระดาษ
- การขอจดทะเบียน Vat ในรูปแบบออนไลน์
การขอจดทะเบียน Vat ในรูปแบบกระดาษ
การขอจดทะเบียนด้วยรูปแบบกระดาษจะต้องไปยื่นเอกสารที่สรรพากรพื้นที่ โดยใช้เอกสารดังนี้

ป.ล. เอกสารใน Checklist ดังกล่าวนี้อาจไม่ตรงกับเอกสารที่ใช้จดทะเบียน Vat ในบางพื้นที่ ดังนั้นผมแนะนำให้ก่อนที่จะไปจดทะเบียนให้โทรไปยืนยันกับสรรพากรพื้นที่ก่อนว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง เนื่องจากบางพื้นที่อาจใช้เอกสารบางส่วนไม่เหมือนกัน
หลังจากยื่นเอกสารเรียบร้อยและเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจสอบเรียบร้อยแล้วว่าเอกสารถูกต้องครบถ้วน ผู้ประกอบการจะได้รับใบ ภ.พ.01 กลับมาพร้อมประทับตราจากสรรพากร ก็จะถือว่าผู้ประกอบการนั้นอยู่ในระบบ Vat เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันนั้น และสามารถใช้เอกสารดังกล่าวแทนเอกสาร ภ.พ.20 ตัวจริงไปก่อนได้ หลังจากนั้นผู้ประกอบการจึงจะได้รับเอกสาร ภ.พ.20 ตามหลัง
การขอจดทะเบียน Vat ในรูปแบบออนไลน์
ขั้นตอนในการขอจดทะเบียน Vat ในรูปแบบออนไลน์มีดังนี้
1. เข้าสู่ระบบ VAT-SBT online และเลือก “บริการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม”

2. อ่านรายละเอียดและกด “ยืนยันการจดทะเบียน”

3. ให้ติ๊กเลือกสาเหตุที่ต้องจด Vat ว่าเป็นกรณีใดระหว่าง
-
- ท่านมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องจดทะเบียน 1,800,000 บาทต่อปี หรือผู้ส่งออก
- ท่านเป็นกิจการที่ได้รับยกเว้น หรือ มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องจดทะเบียน (รายได้ไม่ถึง 1,800,000 บาทต่อปี) แต่ประสงค์จะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

4. ต่อมาให้เราติ๊กเลือกข้อ 1 หรือ ข้อ 2 ก่อนการจดทะเบียน และกด “ยืนยันการจดทะเบียน”

5. ถัดมาให้เราใส่เลขประจำตัว 13 หลักของเรา ถ้าหากเป็นบุคคลก็ใส่เลขบัตรประชาชน หากเป็นบริษัทก็ให้ใส่เลขที่บริษัทตามหนังสือรับรองบริษัท และกด “ตกลง”

6. เมื่อกดเรียบร้อยแล้วจะมีชื่อบริษัทของเราขึ้นมา ก็ให้กด “ตกลง” ได้เลย

7. หลังจากนั้นให้กรอก ชื่อและที่ตั้งสถานประกอบการ เมื่อกรอกเสร็จให้กด “ตกลง”

8. หลังจากนั้นให้กรอกรายละเอียดข้อ 3 เกี่ยวกับวันที่รายรับถึงเกณฑ์จดทะเบียน / วันที่แจ้งต่ออธิบดีเพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม / เงินทุนจดทะเบียน / รายรับประมาณเดือนละ และ ข้อ 4 ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของการประกอบกิจการ และกด “ตกลง”

9. เมื่อกดตกลงแล้วผู้ประกอบการก็จะได้รับ Email จากสรรพากร ว่าต้องการเอกสารอะไรบ้าง ก็ให้เตรียมเอกสารตามนั้นแล้วส่งกลับไปที่ Email ส่วนเอกสารตัวจริงให้เก็บเอาไว้ และรอวันที่เจ้าหน้าที่สรรพากรเข้ามาตรวจสถานประกอบการ เราก็เอาเอกสารตัวจริงให้กับเจ้าหน้าที่สรรพากรในวันนั้น
10. หลังจากนั้นให้รอ 7-14 วัน ทางสรรพากรจะส่งจดหมายมาว่าอนุมัติหรือไม่อนุมัติการจดทะเบียน
ประโยชน์ของ ภ.พ.20 ที่ผู้ประกอบการควรรู้
การที่ผู้ประกอบการสามารถเข้าสู่ระบบ Vat ได้ และมีเอกสารใบ ภ.พ.20 มีประโยชน์บางประการดังนี้
-
- ภาษีซื้อที่เกิดขึ้นทั้งหมดสามารถนำไปเคลมได้ โดยการนำ ภาษีขาย – ภาษีซื้อ ในแต่ละเดือน ก่อนนำส่งภาษีด้วยแบบ ภ.พ.30
- คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับเราจะได้มั่นใจว่าเรามีความน่าเชื่อถือ อยู่ในระบบภาษีอย่างถูกต้อง
- ธนาคารจะรับทราบว่าเราเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง และเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ
สรุป
ภ.พ.20 หรือ ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นเอกสารสำคัญที่แสดงว่าผู้ประกอบการนั้นเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วหรือไม่ ผู้ประกอบการที่เข้าสู่ระบบมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นประจำทุกเดือน เอกสารดังกล่าวยังสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ประกอบการว่าอยู่ในระบบภาษีอย่างถูกต้องแล้ว