สารบัญ
- ภาษีทางตรงคืออะไร? ความหมายและหลักการพื้นฐาน
- ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีทางตรง
- ความแตกต่างระหว่างภาษีทางตรง VS ภาษีทางอ้อม
- สรุป
ภาษีทางตรงคืออะไร? ความหมายและหลักการพื้นฐาน
ภาษีทางตรง คือ ภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลโดยตรง กล่าวคือผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษี คือคนเดียวกับผู้ที่แบกรับภาระภาษีนั่นเอง หรือพูดง่ายๆ คือ ใครมีรายได้ มีทรัพย์สิน หรือมีกิจกรรมที่กฎหมายกำหนดไว้ซึ่งเป็นฐานภาษีที่ต้องเสีย ก็ต้องเสียภาษีจากสิ่งนั้นโดยตรง และจะผลักภาระภาษีนี้ไปให้คนอื่นรับภาระภาษีแทนไม่ได้
ยกตัวอย่างเช่น
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: ถ้าเรามีเงินเดือนหรือรายได้อื่นๆในนามบุคคล เราก็ต้องเสียภาษีจากเงินได้นั้นโดยตรง ภาระภาษีตกอยู่ที่ตัวเราเอง
ภาษีเงินได้นิติบุคคล: บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนต่างๆ ที่มีกำไร ก็ต้องเสียภาษีจากกำไรนั้น ภาระภาษีตกอยู่ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนั้นโดยตรง
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง: ถ้าเราเป็นเจ้าของบ้าน ที่ดิน คอนโด หรือ อสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ทางเราก็มีหน้าที่เสียภาษีจากทรัพย์สินเหล่านั้นโดยตรง
ภาษีมรดก: เมื่อเราได้รับมรดกที่มีมูลค่าตามที่กฎหมายกำหนด เราก็มีหน้าที่เสียภาษีจากมรดกนั้นโดยตรง ไม่สามารถผลักภาระไปให้คนอื่นได้
ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีทางตรง
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีทางตรงก็คือ บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล ที่มีรายได้ มีทรัพย์สิน หรือมีกิจกรรมตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นฐานภาษีที่ต้องเสียภาษี และเป็นผู้ที่ต้องแบกรับภาระภาษีนั้นเอง โดยไม่สามารถผลักภาระนี้ไปให้ผู้อื่นได้
ยกตัวอย่างเช่น
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีคือ บุคคลธรรมดา ที่มีเงินได้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือรายได้จากการประกอบธุรกิจส่วนตัว
ภาษีเงินได้นิติบุคคล: ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีคือ บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล สมาคม และมูลนิธิ ที่มีรายได้หรือกำไรจากการประกอบกิจการ
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง: ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีคือ เจ้าของที่ดิน เจ้าของสิ่งปลูกสร้าง หรือผู้ครอบครองทรัพย์สิน ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น
ภาษีมรดก: ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีคือ ทายาทหรือผู้รับมรดก ที่ได้รับทรัพย์สินที่มีมูลค่าตามที่กฎหมายกำหนดจากการเสียชีวิตของเจ้ามรดก
ความแตกต่างระหว่างภาษีทางตรง VS ภาษีทางอ้อม
ภาษีทางตรง และ ภาษีทางอ้อมนั้นมีความแตกต่างกันหลายประการ สามารถสรุปได้ดังนี้
- ภาษีทางตรงเป็นภาษีที่ผู้เสียภาษีกับผู้รับภาระภาษีเป็นบุคคลเดียวกัน ส่วนภาษีทางอ้อมเป็นภาษีที่ผู้เสียภาษีกับผู้รับภาระภาษีที่แท้จริงเป็นคนละบุคคลกัน
- การรับรู้ทางภาษี ผู้รับภาระภาษีทางตรงจะรับทราบอย่างชัดเจนว่าฐานภาษีและภาษีที่ตัวเองต้องเสียเป็นเท่าไหร่ แต่หากว่าเป็นภาษีทางอ้อมผู้รับภาระภาษีมักจะไม่ทราบว่ามีภาระภาษีแฝงอยู่ในมูลค่าสินค้าและบริการเป็นจำนวนเท่าไหร่
- การผลักภาระภาษี ในส่วนภาษีทางตรงผู้เสียภาษีจะไม่สามารถผลักภาระภาษีไปให้คนอื่นได้ แต่ภาษีทางอ้อม ผู้เสียภาษีจะสามารถผลักภาระภาษีไปให้คนอื่นได้ เช่น ผู้บริโภค เป็นต้น
- ตัวอย่างภาษีทางตรง เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีมรดก ส่วนภาษีทางอ้อมยกตัวอย่างเช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต เป็นต้น
- การจัดเก็บภาษี หากเป็นภาษีทางตรง จะจัดเก็บเป็นงวดตามรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด (เช่น รายปี) หากเป็นภาษีทางอ้อม ส่วนใหญ่จะจัดเก็บ ณ จุดที่มีการซื้อขายสินค้าและบริการ
สรุป
ภาษีทางตรง เป็น ภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ที่รับภาระภาษีโดยตรง ยกตัวอย่างเช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีมรดก เป็นต้น โดยภาษีทางตรงจะไม่สามารถผลักภาระภาษีไปให้แก่บุคคลอื่นได้ และผู้รับภาระภาษีจะทราบได้อย่างชัดเจนว่าฐานภาษีและภาษีที่ตัวเองต้องเสียเป็นเท่าไหร่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษีทางตรงมากยิ่งขึ้น