ภาษีสรรพาสามิตคืออะไร

ปหบทความภาษีสรรพาสามิตคืออะไร
icon รับทำบัญชี
icon ดูรีวิวจากลูกค้า
icon กระดานสอบถามปัญหาภาษี
icon ติดต่อ Line

สารบัญ

  1. ภาษีสรรพสามิตคืออะไร?
  2. สินค้าที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีสรรพสามิต
  3. อัตราภาษีสรรพสามิต: หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ
  4. ใครคือผู้มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิต
  5. สรุป

ภาษีสรรพสามิตคืออะไร?

ภาษีสรรพสามิต คือ ภาษีทางอ้อมประเภทหนึ่งที่รัฐบาลเรียกเก็บจากสินค้าและบริการบางประเภทที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งจัดเก็บตาม พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยสินค้าและบริการเหล่านี้มักจะเป็นสินค้าที่ :

  • อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพหรือสังคม: เช่น สุรา เบียร์ ยาสูบ เป็นต้น
  • เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย: เช่น น้ำหอม เครื่องสำอางราคาแพง รถยนต์บางประเภท เป็นต้น
  • มีฐานการบริโภคสูง: เช่น น้ำมัน เป็นต้น

สินค้าที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีสรรพสามิต

สินค้าที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีสรรพสามิตตาม พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีดังต่อไปนี้

1.น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน

2. เครื่องดื่ม

3. เครื่องใช้ไฟฟ้า

4. แบตเตอรี่

5. แก้วและเครื่องแก้ว

6. รถยนต์ (รถยนต์นั่ง รถยนต์กระบะ รถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน)

7. รถจักรยานยนต์

8. เรือยอชต์ และยานพาหนะทางน้ำที่ใช้เพื่อความสำราญ

9. น้ำหอม หัวน้ำหอม และน้ำมันหอม

10. พรมและสิ่งทอปูพื้นอื่น(เฉพาะที่ทำด้วยขนสัตว์)

11. หินอ่อนและหินแกรนิต

12. สินค้าสารทำลายชั้นบรรยากาศ ได้แก่ สารเคมีประเภทไฮโดรคาร์บอนที่มีคลอรีน ฟลูออรีนหรือโบรมีนเป็นองค์ประกอบ หรือฮาโลเจเนเต็ดไฮโดรคาร์บอน

13. สุรา

14. ยาสูบ

15. ไพ่

16. กิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ได้แก่ สถานมหรสพ สถานที่ฉายภาพยนตร์ ไนต์คลับ สถานน้ำหรืออบตัวและนวด เป็นต้น

17. กิจการเสี่ยงโชค เช่นสนามแข่งม้า การออกสลากกินแบ่ง เป็นต้น

18. กิจการที่ได้รับอนุญาตหรือสัมปทานจากรัฐ ได้แก่ กิจการโทรคมนาคม

 

สินค้าที่ต้องเสีย ภาษีสรรพสามิต จัดทำโดย BMU

อัตราภาษีสรรพสามิต: หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ

หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณสรรพสามิตมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและบริการ โดยทั่วไปแล้ว จะมีโครงสร้างในการคำนวณภาษีหลักๆ ดังนี้

1.อัตราตามมูลค่า

หลักเกณฑ์: กำหนดเป็นอัตราร้อยละ (%) ของราคาขายปลีกแนะนำ หรือราคาที่นำเข้า (CIF + อากรขาเข้า + ภาษีอื่นๆ) แล้วแต่กรณี

วิธีการคำนวณ: ภาษีสรรพสามิต = ฐานภาษี x อัตราภาษี

ตัวอย่าง: เครื่องสำอางบางประเภทอาจมีอัตราภาษีสรรพสามิต 20% ของราคาขายปลีกแนะนำ หากราคาขายปลีกแนะนำคือ 2,000 บาท ภาษีสรรพสามิตจะเท่ากับ 2,000 x 20% = 400 บาท

2.อัตราตามปริมาณ

หลักเกณฑ์: กำหนดเป็นจำนวนเงินต่อหน่วยของสินค้า เช่น บาทต่อลิตร บาทต่อกิโลกรัม บาทต่อชิ้น

วิธีการคำนวณ: ภาษีสรรพสามิต = ปริมาณสินค้า x อัตราภาษีต่อหน่วย

ตัวอย่าง: เบียร์อาจมีอัตราภาษีสรรพสามิต 30 บาทต่อลิตร หากขายเบียร์ 10,000 ลิตร ภาษีสรรพสามิตจะเท่ากับ 10,000 x 30 = 300,000 บาท

3.อัตราตามมูลค่าและปริมาณ

หลักเกณฑ์: มีการกำหนดอัตราภาษีทั้งตามมูลค่าและตามปริมาณร่วมกัน

วิธีการคำนวณ: จะต้องคำนวณภาษีตามแต่ละอัตราแล้วนำมารวมกัน

ภาษีสรรพสามิต = (ฐานภาษี x อัตราภาษีตามมูลค่า) + (ปริมาณสินค้า x อัตราภาษีตามปริมาณ)

ตัวอย่าง: รถยนต์บางประเภทอาจถูกเก็บภาษีทั้งตามมูลค่าของรถและตามขนาดความจุกระบอกสูบ (ซีซี)

สำหรับอัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภทเป็นดังนี้

อัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภท By BMU
อัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภท By BMU
อัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภท By BMU
อัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภท By BMU
อัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภท By BMU
อัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภท By BMU
อัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภท By BMU
อัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภท By BMU
อัตราภาษีสรรพสามิตในสินค้าแต่ละประเภท By BMU

ใครคือผู้มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิต

โดยหลักการ ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตโดยตรงตามกฎหมายคือ

  • ผู้ประกอบอุตสาหกรรม: หมายถึง ผู้ที่ผลิตหรือประกอบสินค้าที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีสรรพสามิตในราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรือรัฐวิสาหกิจ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นโรงงานผลิตสุรา เบียร์ น้ำมัน รถยนต์ หรือสินค้าอื่นๆ ที่กฎหมายกำหนด คุณมีหน้าที่ต้องยื่นแบบเสียภาษีสรรพสามิตและชำระภาษีตามที่กฎหมายกำหนด
  • ผู้นำเข้าสินค้า: หมายถึง ผู้ที่นำสินค้าที่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักร ยกตัวอย่างเช่น หากคุณนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ รถจักรยานยนต์ หรือเครื่องสำอางบางชนิด คุณก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตก่อนที่จะนำสินค้าออกจากด่านศุลกากร
  • ผู้ประกอบกิจการสถานบริการ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจคือ ภาษีสรรพสามิตนั้นเป็นภาษีทางอ้อม ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีกับผู้ที่ต้องแบกรับภาษีตัวจริงจะเป็นคนละคนกัน  ภาระภาษีสรรพสามิตมักจะถูกผลักไปรวมอยู่ในราคาสินค้า ทำให้ ผู้บริโภค เป็นผู้แบกรับภาระภาษีนี้ตัวจริง เมื่อซื้อสินค้าเหล่านั้น

สรุป

ภาษีสรรพสามิต เป็น ภาษีรัฐบาลเรียกเก็บจากสินค้าและบริการบางประเภทที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งจัดเก็บตาม พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยวิธีในการคำนวณภาษีจะมี 3 แบบหลักๆคือ

  1. อัตราตามมูลค่า
  2. อัตราตามปริมาณ
  3. อัตราตามมูลค่าและปริมาณ

โดยอัตราภาษีของสินค้าแต่ละประเภทสามารถดูได้จากบทความนี้ ซึ่งสินค้าแต่ละประเภทนั้นจะมีอัตราภาษีที่ไม่เท่ากัน และวิธีในการคำนวณภาษีที่ไม่เหมือนกัน โดยผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีดังกล่าวคือ ผู้ประกอบอุตสาหกรรม ผู้นำเข้าสินค้า หรือ  ผู้ประกอบกิจการสถานบริการ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกท่านนะครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.