จดทะเบียน Vat ต้องจดเมื่อไหร่ และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

จดทะเบียน Vat ต้องจดเมื่อไหร่ และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง จัดทำโดย BMU
icon รับทำบัญชี
icon ดูรีวิวจากลูกค้า
icon กระดานสอบถามปัญหาภาษี
icon ติดต่อ Line

สารบัญ

    1. Vat คืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจของคุณ
    2. เกณฑ์รายได้ที่กำหนด: รายได้ถึงเท่าไหร่ถึงต้องจดทะเบียน VAT?
    3. หลักวิเคราะห์กรณียอดขายยังไม่ถึงเกณฑ์ ควรต้องจดทะเบียน Vat หรือไม่
    4. ผลกระทบหากไม่จดทะเบียน VAT เมื่อถึงเกณฑ์ที่กำหนด
    5. เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการจดทะเบียน VAT มีอะไรบ้าง?
    6. สรุป

Vat คืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจของคุณ

        Vat คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่รัฐบาลเรียกเก็บจากผู้ประกอบการจากการขายสินค้า หรือ การให้บริการ โดยผู้ประกอบการที่จด Vat จะต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกค้าในอัตรา 7% ทุกๆครั้งที่มีการขายสินค้าหรือให้บริการเกิดขึ้น เงินที่เรียกเก็บมานี้จะต้องนำส่งสรรพากรในเดือนถัดไป

เรียนรู้เกี่ยวกับ Vat เพิ่มเติม : ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร

เกณฑ์รายได้ที่กำหนด: รายได้ถึงเท่าไหร่ถึงต้องจดทะเบียน VAT?

        หากเรามีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ตามกฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องจด Vat อย่างไรก็ตามหากยอดขายของเรายังไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เราก็สามารถเลือกเข้าสู่ระบบ Vat ได้เช่นกัน จึงมีประเด็นที่ควรวิเคราะห์ต่อว่า เราควรจดทะเบียน Vat หรือไม่ หากยอดขายของธุรกิจยังไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งจะอธิบายในหัวข้อถัดไป

หลักวิเคราะห์กรณียอดขายยังไม่ถึงเกณฑ์ ควรต้องจดทะเบียน Vat หรือไม่

หลักในการพิจารณาให้เราลองวิเคราะห์ธุรกิจที่เราทำอยู่ว่า

    1. อำนาจในการผลักภาระภาษีขายของธุรกิจเรา มาก หรือ น้อย

ยกตัวอย่างเช่น หากปกติเราขายสินค้าที่ 100 บาท เมื่อจด VAT แล้ว หากเราสามารถขึ้นราคาขายได้เป็น 107 บาท (นำส่งสรรพากร 7 บาท) โดยที่ไม่ส่งผลต่อยอดขายให้ลดลง แสดงว่าธุรกิจเรามีอำนาจในการผลักภาระภาษีขายสูง ในทางกลับกัน หากปกติเราขายสินค้าที่ 100 บาท เมื่อจด VAT แล้ว แต่เราไม่สามารถขึ้นราคาขายได้เพราะจะกระทบกับยอดขาย ต้องขายที่ 100 บาท เท่าเดิม (นำส่งสรรพากร 6.54 บาท) แสดงว่าธุรกิจเรามีอำนาจในการผลักภาระภาษีขายต่ำ

    1. ต้นทุนของธุรกิจมีภาษีซื้อมากหรือน้อย

ยกตัวอย่างเช่น หากเราทำธุรกิจซื้อมาขายไป และทุกๆการซื้อสินค้าเข้ามา ได้ซื้อจากผู้ประกอบการที่จด VAT และมีภาษีซื้อทั้งหมดทุกรายการ แสดงว่าต้นทุนของธุรกิจมีภาษีซื้อมากสามารถเอาไปเคลม (หักออก) ในการยื่นภาษีได้ ในทางกลับกันหากเราทำธุรกิจให้บริการ ซึ่งต้นทุกหลักๆคือเงินเดือนพนักงานซึ่งไม่มีภาษีซื้อ แสดงว่าต้นทุนของธุรกิจมีภาษีซื้อน้อย

หลักในการพิจารณาว่าควรจด VAT หรือไม่คือ เมื่อเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อนี้ธุรกิจควรจด VAT ถึงแม้ว่ายอดขายจะยังไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ต่อปี

    1. อำนาจในการผลักภาระภาษีขายมาก
    2. ต้นทุนของธุรกิจมีภาษีซื้อมาก
หลักในการพิจารณาว่าควรจด VAT หรือไม่ สามารถพิจารณาได้จากภาพนี้ได้เลยนะครับ

ผลกระทบหากไม่จดทะเบียน VAT เมื่อถึงเกณฑ์ที่กำหนด

การไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เมื่อถึงเกณฑ์ที่กำหนด จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อธุรกิจ ทั้งในด้านการเงินและกฎหมาย ดังนี้

  1. โทษปรับและเงินเพิ่ม:
    • เบี้ยปรับ: ธุรกิจจะต้องเสียเบี้ยปรับ 2% – 20% ของเงินภาษีที่ค้างจ่าย (สูงสุด 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ)
    • เงินเพิ่ม: เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของเงินภาษีที่ค้างจ่าย โดยจะคำนวณตามจำนวนวันที่จดทะเบียนล่าช้า นับตั้งแต่วันที่ถึงเกณฑ์ต้องจดทะเบียนจนถึงวันที่จดทะเบียนจริงหรือวันที่ชำระภาษี
    • ค่าปรับไม่ยื่นแบบ ภ.พ.30: หากมีการตรวจสอบพบว่าไม่จดทะเบียนและไม่ยื่นแบบ ภ.พ.30 อาจมีค่าปรับเพิ่มเติม
  1. ผลกระทบด้านการดำเนินธุรกิจ:
    • ไม่สามารถออกใบกำกับภาษีได้: ผู้ประกอบการที่ไม่จดทะเบียน VAT ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากหากลูกค้าเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียน VAT เพราะลูกค้าไม่สามารถนำภาษีซื้อไปขอคืนภาษีได้ ทำให้ธุรกิจเสียเปรียบในการแข่งขัน
    • เสียเปรียบทางการค้า: ธุรกิจที่ไม่สามารถออกใบกำกับภาษีได้ อาจทำให้เสียโอกาสในการทำธุรกิจกับคู่ค้าหรือลูกค้าองค์กรที่ต้องการใบกำกับภาษีเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานหรือขอคืนภาษี
    • ไม่สามารถขอคืนภาษีซื้อได้: ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือบริการที่ใช้ในการประกอบกิจการจะถือเป็นภาระต้นทุนของธุรกิจ ไม่สามารถนำมาขอคืนภาษีได้ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
    • ปัญหาในการตรวจสอบย้อนหลัง: หากถูกกรมสรรพากรตรวจสอบพบ จะต้องจ่ายภาษีย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ซึ่งอาจเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก
  1. โทษทางกฎหมาย:
    • อาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้ประกอบการที่เข้าเกณฑ์แต่ไม่ทำการจดทะเบียน

เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการจดทะเบียน VAT มีอะไรบ้าง?

สำหรับวิธีการ และเอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียน Vat ให้ดูตามลิงก์นี้ได้เลยครับ

https://www.rd.go.th/7058.html

สรุป

        การจดทะเบียน Vat ต้องจดเมื่อ ธุรกิจมีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาท ต่อปี อย่างไรก็ตามหากธุรกิจเรามีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ดังกล่าวก็สามารถเลือกเข้าสู่ระบบ Vat ได้ ซึ่งมีหลักในการพิจารณาว่าควรจด Vat หรือไม่ คือ

    1. อำนาจในการผลักภาระภาษีขายของธุรกิจเรา มาก หรือ น้อย
    2. ต้นทุนของธุรกิจมีภาษีซื้อมากหรือน้อย

หากเรามีอำนาจในการผลักภาระภาษีขายของธุรกิจเรา มาก และ ต้นทุนของธุรกิจมีภาษีซื้อมาก ถ้าเป็นแบบนี้เราก็ควรจด Vat ถึงแม้ว่าธุรกิจของเราจะมีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.