ประกันสังคมเป็นอีกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งสำหรับบริษัทที่มีลูกจ้าง เพราะตามกฎหมายกำหนดว่าบริษัทที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไปต้องเข้าระบบประกันสังคม โดยลูกจ้างจะได้รับสิทธิ์ต่างๆตามที่ประกันสังคมกำหนด ในบทความนี้ทาง Build Me Up Consultant (BMU) จะมาอธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับประกันสังคมให้ฟัง
สารบัญบทความ (Table of Contents)
-
- ประกันสังคมสำหรับพนักงานเข้าใหม่ คืออะไร?
- ขั้นตอนการแจ้งเข้าประกันสังคม “พนักงานเข้าใหม่” สำหรับนายจ้าง
- การคำนวณเงินสมทบ: พนักงานเข้าใหม่ต้องจ่ายเท่าไหร่?
- สิทธิประกันสังคม พนักงานใหม่: เมื่อไหร่ถึงจะใช้สิทธิได้?
- คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับประกันสังคมพนักงานเข้าใหม่
- สรุปและข้อแนะนำสำหรับนายจ้างและลูกจ้าง
ประกันสังคมสำหรับพนักงานเข้าใหม่ คืออะไร?
ทำไมต้องแจ้งเข้าประกันสังคม?
เหตุผลหลักที่บริษัทที่มีลูกจ้างต้องแจ้งเข้าประกันสังคมมีดังนี้
-
เป็นข้อบังคับตามกฎหมาย :
ตาม พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 กำหนดเอาไว้ว่า นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างและแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่มีการจ้างงาน หากไม่ดำเนินการ นายจ้างอาจมีโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับได้
-
ลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมจะได้รับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ :
สิทธิประโยชน์ที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ว่างงาน สงเคราะห์บุตร ชราภาพ หรือเสียชีวิต จะได้รับความคุ้มครองและเงินชดเชยตามสิทธิ นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิค่ารักษาพยาบาลได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ใครคือ “ผู้ประกันตนมาตรา 33”
ผู้ประกันตนมาตรา 33 คือ ลูกจ้างหรือพนักงานประจำ ที่ทำงานในสถานประกอบการเอกชนที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ซึ่งต้องมีอายุระหว่าง 15-60 ปีบริบูรณ์ โดยจะถูกหักเงินสมทบจากค่าจ้างทุกเดือน ส่วนนายจ้างก็จะสมทบเงินเข้าไปบางส่วนเช่นกัน เพื่อให้รัฐบาลนำเงินก้อนนี้ไปบริหารเพื่อสวัสดิการต่างๆของผู้ประกันตน
ดังนั้นเมื่อนายจ้างมีลูกจ้างเป็นพนักงานที่เข้าใหม่ก็จะต้องไปขึ้นทะเบียนนายจ้างและลูกจ้างประกันสังคม
ขั้นตอนการแจ้งเข้าประกันสังคม “พนักงานเข้าใหม่” สำหรับนายจ้าง
นายจ้างมีหน้าที่ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่กับสำนักงานประกันสังคม ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่พนักงานเริ่มเข้าทำงาน ขั้นตอนการแจ้งเข้าประกันสังคม กรณีที่มีพนักงานใหม่ดังนี้
-
- เข้า Website ประกันสังคม และเลือกหัวข้อ สถานประกอบการ
- เลือกเมนู ทะเบียนผู้ประกันตน และใส่ Username Password
- หลังจากนั้นให้แจ้งชื่อพนักงานเข้าใหม่ โดยดำเนินการตามที่ระบบกำหนด หรือดูรายละเอียดขั้นตอนวิธีการเพิ่มเติมที่นี่ : คู่มือการใช้งาน E-Services ของสำนักงานประกันสังคมสำหรับสถานประกอบการ
การคำนวณเงินสมทบ: พนักงานเข้าใหม่ต้องจ่ายเท่าไหร่?
อัตราเงินสมทบประกันสังคม ม.33 (ลูกจ้างและนายจ้าง)
อัตราเงินสมทบประกันสังคมสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในปัจจุบันแบ่งเป็นสัดส่วนดังนี้
ฐานเงินเดือนขั้นต่ำและสูงสุดที่ใช้คำนวณ
ฐานค่าจ้างขั้นต่ำ: 1,650 บาท
หากลูกจ้างมีค่าจ้างรายเดือนต่ำกว่า 1,650 บาท ก็จะต้องหักเงินสมทบประกันสังคมตามขั้นต่ำที่ 1,650 บาท
ฐานค่าจ้างขั้นสูง: 15,000 บาท
หากลูกจ้างมีค่าจ้างรายเดือนมากกว่า 15,000 บาท จะคำนวณยอดเงินสมทบที่ฐานสูงสุดคือ 15,000 บาท
ตัวอย่างการคำนวณเงินสมทบ
กรณีที่พนักงานมีเงินเดือน 1,000 บาท
-
- ลูกจ้างจ่ายเงินสมทบ (ตามอัตราขั้นต่ำ) : 1,650 x 5% = 82.5 บาท ปัดขึ้นเป็น 83 บาท
- นายจ้างจ่ายเงินสมทบ (ตามอัตราขั้นต่ำ) : 1,650 x 5% = 82.5 บาท ปัดขึ้นเป็น 83 บาท
กรณีที่พนักงานมีเงินเดือน 15,000 บาท
-
- ลูกจ้างจ่ายเงินสมทบ : 15,000 x 5% = 750 บาท
- นายจ้างจ่ายเงินสมทบ : 15,000 x 5% = 750 บาท
กรณีที่พนักงานมีเงินเดือน 30,000 บาท
-
- ลูกจ้างจ่ายเงินสมทบ (ตามอัตราขั้นสูง) : 15,000 x 5% = 750 บาท
- นายจ้างจ่ายเงินสมทบ (ตามอัตราขั้นสูง) : 15,000 x 5% = 750 บาท
สิทธิประกันสังคม พนักงานใหม่: เมื่อไหร่ถึงจะใช้สิทธิได้?
สิทธิกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย
คือสิทธิประโยชน์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย อันไม่ใช่เนื่องจากการทำงานโดยมีเงื่อนไข คือ จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่รับบริการทางการแพทย์
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : สิทธิประโยชน์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน
สิทธิกรณีคลอดบุตร
คือสิทธิการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายกรณีคลอดบุตรให้แก่ผู้ประกันตนในอัตรา 15,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง โดยมีเงื่อนไข คือ จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเดือนคลอดบุตร
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : สิทธิกรณีคลอดบุตร
สิทธิกรณีทุพพลภาพ
ทุพพลภาพ หมายถึง การสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือของร่างกายหรือสูญเสียภาวะปกติของจิตใจ จนทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงถึงขนาดไม่อาจประกอบการงานตามปกติได้ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการการแพทย์กำหนด จะได้รับสิทธิโดยมีเงื่อนไข ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบครบ 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนทุพพลภาพ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : สิทธิกรณีทุพพลภาพ
สิทธิกรณีเสียชีวิต
จะได้รับสิทธิ เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขคือ กรณีที่ผู้ประกันตนถึงแก่ความตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือน ก่อนเดือนถึงแก่ความตาย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : สิทธิกรณีเสียชีวิต
สิทธิกรณีสงเคราะห์บุตร
จะได้รับสิทธิ เมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้
-
- ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39
- จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 1,000 บาทต่อบุตรหนึ่งคน คราวละไม่เกิน 3 คน ( มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2568 )
- ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
- อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : สิทธิกรณีสงเคราะห์บุตร
สิทธิกรณีชราภาพ
เงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีบำนาญชราภาพ
-
- จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม
- มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
- ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
เงื่อนไขการเกิดสิทธิกรณีบำเหน็จชราภาพ
-
- จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน
- ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
- มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : สิทธิกรณีชราภาพ
สิทธิกรณีว่างงาน
มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้
- จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงานกับนายจ้างรายสุดท้าย หรือกรณีผู้ประกันตนว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย
- มีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป
- ผู้ประกันตนต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (เว็บไซต์ https://e-service.doe.go.th) ของกรมการจัดหางาน
- ต้องรายงานตัวตามกำหนดนัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (เว็บไซต์ https://e-service.doe.go.th) ของสำนักงานจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ( รายงานตัววันใดก็ได้ภายในเดือนที่นัด )
- เป็นผู้มีความสามารถในการทำงาน และพร้อมที่จะทำงานที่เหมาะสมตามที่จัดให้
- ต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงาน
- ผู้ที่ว่างงานต้องไม่ถูกเลิกจ้างเนื่องจากกรณี มีดังนี้
-
- ทุจริตต่อหน้าที่กระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
- จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
- ฝ่าฝืนข้อบังคับ หรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายในกรณี ร้ายแรง
- ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันควร
- ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
- ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา
- ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
-
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : สิทธิกรณีว่างงาน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับประกันสังคมพนักงานเข้าใหม่
A: โดยทั่วไป ผู้ประกันตนไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล หากเข้ารักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิที่เลือกไว้ แต่ถ้าหากว่าไม่ได้รักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ (เช่น เป็นกรณีฉุกเฉิน หรือเจ็บป่วยขณะอยู่ต่างจังหวัด) จะต้องสำรองจ่ายไปก่อนแล้วค่อยยื่นเรื่องเบิกเงินคืนจากสำนักงานประกันสังคมภายหลัง
A: แน่นอนว่าการที่นายจ้างแจ้งเข้าประกันสังคมให้แก่พนักงานล่าช้า นายจ้างมีโทษทั้งจำทั้งปรับหากแจ้งเข้าประกันสังคมล่าช้าเกินกว่า 30 วัน โดยมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
A: ผู้ประกันตนมาตรา 39 คือผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 (ลูกจ้างบริษัท) แล้วลาออก แต่ยังต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมไว้ เมื่อกลับเข้าทำงานใหม่โดยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพียงแค่ให้แจ้งนายจ้าง ซึ่งนายจ้างจะเป็นผู้แจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนให้ใหม่เป็นมาตรา 33 ภายใน 30 วัน โดยอัตโนมัติ แต่หากมีการค้างชำระเงินสมทบ จะต้องติดต่อสำนักงานประกันสังคมเพื่อดำเนินการชำระและแจ้งยกเลิกมาตรา 39 ด้วยตนเอง.
สรุปและข้อแนะนำสำหรับนายจ้างและลูกจ้าง
นายจ้างควรที่จะต้องแจ้งประกันสังคม พนักงานเข้าใหม่ ให้ทันตามที่กฎหมายกำหนดนั่นคือภายใน 30 วัน ส่วนลูกจ้างก็ควรศึกษาสิทธิประโยชน์ต่างๆเอาไว้อย่างละเอียด เพื่อเวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะได้สามารถใช้สิทธิ์ได้อย่างถูกต้อง สุดท้ายนี้หากผู้ประกอบการท่านไหนต้องการดำเนินการ จดประกันสังคมขึ้นทะเบียนนายจ้าง สามารถให้ทางเรา Build Me Up Consultant (BMU) ช่วยดำเนินการให้ได้ ติดต่อทางเราได้ที่ โทร. 0925863663 , 021245303 Facebook : Build Me Up Consultant Line : @bmu001


