สารบัญ
ความเข้าใจเรื่องค่าเช่าและภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat)
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับค่าเช่า เป็นประเด็นที่หลายคนมักสับสน เนื่องจากมีข้อกำหนดที่ซับซ้อนและแตกต่างกันไปตามประเภทของการเช่า โดยปัจจัยหลักที่จะนำมาพิจารณาคือ “ทรัพย์สินที่ให้เช่า” กรณีให้เช่าอสังหาริมทรัพย์โดยทั่วไปจะยกเว้น Vat แต่หากเป็นการเช่าสังหาริมทรัพย์จะมี Vat
ค่าเช่าแบบไหนที่ได้รับการยกเว้น Vat?
โดยทั่วไปแล้ว การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น การเช่าบ้าน, ห้องชุด, คอนโด หรืออพาร์ตเมนต์รายเดือนนั้น ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81(1)(ต) แห่งประมวลรัษฎากร
อย่างไรก็ตามหากเป็นการให้เช่าแบบมีบริการอื่นเสริมด้วย เช่น ธุรกิจโรงแรม มีห้องพัก Fitness สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น แบบนี้จะไม่ยกเว้น Vat หรือ ธุรกิจที่เป็นห้องพักรายวันก็จะถือเป็นบริการที่พัก ก็จะไม่ยกเว้น Vat เช่นเดียวกัน
ค่าเช่าแบบไหนที่มี Vat?
ในทางกลับกัน การเช่าที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้แก่:
- การเช่าสังหาริมทรัพย์: เช่น การเช่ารถยนต์, เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายได้จะถือว่ามี Vat ทั้งหมด
- การให้เช่าในลักษณะ “การให้บริการ” (ไม่ใช่แค่การเช่า): เช่น ธุรกิจโรงแรม, เกสต์เฮาส์, รีสอร์ต, หรือห้องพักรายวันที่นอกเหนือจากสัญญาเช่าระยะยาว เพราะถือเป็นการให้บริการที่พัก ไม่ใช่แค่การเช่าอสังหาริมทรัพย์ก็จะถือว่ามี Vat ทั้งหมด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- ถ้าผู้ให้เช่าเป็นบุคคลธรรมดา ต้องจ่าย Vat ไหม?
คำตอบ: โดยหลักการแล้ว หากผู้ให้เช่าเป็นบุคคลธรรมดา และให้เช่า สังหาริมทรัพย์ หรือ การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะการให้บริการ และมีรายได้จากการเช่านี้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเรียกเก็บ Vat 7% จากผู้เช่า แต่หากเป็นการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์โดยทั่วไป (บ้าน, คอนโด) จะได้รับยกเว้น Vat แม้ว่าจะมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทก็ตาม
- ผู้เช่าต้องรับผิดชอบ Vat 7% ใช่หรือไม่?
คำตอบ: ตามกฎหมายแล้ว ผู้เช่ามีหน้าที่รับภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยผู้ให้เช่าที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน Vat มีหน้าที่เรียกเก็บ Vat จากผู้เช่าในอัตรา 7% ของค่าเช่าและนำส่งกรมสรรพากร แต่ในทางปฏิบัติ ภาระดังกล่าวจะถูกระบุไว้ในสัญญาเช่า ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วค่าเช่าที่ตกลงกันมักจะรวม Vat ไว้แล้ว