สารบัญ
ค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยคืออะไร
ค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย คือ จำนวนเงินปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ เพื่อให้งบการเงินสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง โดยมูลค่าของสินค้าคงเหลือจะต้องไม่สูงเกินไปกว่าราคาสุทธิที่คาดว่าจะขายได้ ดังนั้นหากกิจการมีสินค้าล้าสมัยที่ขายไม่ออกหรือต้องลดราคาลงจนทำให้ขาดทุน กิจการจะต้องพิจารณาบันทึกค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยในงบการเงิน
ตัวอย่างสาเหตุการล้าสมัยของสินค้า
-
- สินค้าค้างสต็อคนาน เช่น สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีอายุจำกัด ซึ่งการเก็บสินค้าไว้นานจะทำให้สินค้าหมดอายุ หรือเสื่อมสภาพ และไม่สามารถนำไปขายได้
- สินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี เช่น กล้องถ่ายรูปดิจิตอล เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นโทรศัพท์มือถือสามารถถ่ายรูปได้แทนกล้อง หรือปัจจุบันกล้องถ่ายรูปมีฟังก์ชันการใช้มากขึ้น ทำให้กล้องรุ่นเก่าๆสามารถขายได้น้อยลง
- สินค้าเกี่ยวกับแฟชัน เช่น เสื้อผ้าแฟชัน โดยเทรนด์การแต่งตัวเปลี่ยนแปลงได้ง่ายตามกระแส ทำให้เสื้อผ้าเทรนด์เดิมมีโอกาสขายได้น้อยลงเมื่อแฟชันเปลี่ยนไป
- สินค้าที่เปลี่ยนแปลงรุ่นบ่อย เช่น โทรศัพท์มือถือ เมื่อออกโทรศัพท์รุ่นใหม่ สินค้ารุ่นเก่าก็จะมีคนซื้อน้อยลงหรือต้องลดราคาขายลง
หลักการบัญชีที่เกี่ยวข้องกับค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย
ค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย คือ บัญชีปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ ซึ่งหมายรวมถึงวัตถุดิบ งานระหว่างทำ และสินค้าสำเร็จรูป โดยมาตรฐานการบัญชีกำหนดให้กิจการต้องแสดงมูลค่าสินค้าคงเหลือด้วย “ราคาทุน” หรือ “มูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับ” แล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า เพื่อให้มูลค่าที่แสดงไม่สูงเกินจริงและเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเชิงธุรกิจ
- ราคาทุน คือ ต้นทุนจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งกิจการจ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือต้นทุนที่ใช้ไปในการผลิตสินค้า
- มูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับ (Net Realizable Value: NRV) คือ ราคาโดยประมาณที่กิจการคาดว่าจะขายได้ หักด้วยประมาณการต้นทุนในการผลิตสินค้านั้นให้เสร็จ และต้นทุนที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อให้ขายสินค้านั้นได้
-
- ราคาที่คาดว่าจะขายได้ คือ ราคาที่คาดว่าจะขายสินค้าสำเร็จรูปได้ตามลักษณะการประกอบธุรกิจปกติ
- ต้นทุนในการผลิตสินค้านั้นให้เสร็จ คือ ในบางกรณีสินค้าอาจยังผลิตไม่เสร็จ เช่น งานระหว่างทำ ซึ่งต้องมีต้นทุนในการผลิตต่อเพื่อให้เป็นสินค้าสำเร็จรูปพร้อมขายให้กับลูกค้า
- ต้นทุนในการขายสินค้า คือ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อให้ขายสินค้าได้ เช่น ค่านายหน้า ค่าขนส่งสินค้าไปยังลูกค้า
โดยปกติแล้วสินค้าคงเหลือจะแสดงด้วยราคาทุน แต่หากพบว่าการขายสินค้าใดแล้วทำให้กิจการขาดทุน คือได้รับเงินสุทธิจากการขายน้อยกว่าต้นทุนสินค้า กิจการจะต้องทำการบันทึกค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยในงบการเงิน เพื่อปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือไม่ให้แสดงมูลค่าเกินกว่าที่จะได้รับ
ศึกษาเพิ่มเติม: มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
ตัวอย่างการคำนวณค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย
กิจการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายโดยมีรายละเอียดของสินค้ารุ่นที่ล้าสมัย ดังนี้
- มูลค่าสินค้าที่เหลืออยู่
- ราคาขายและค่าใช้จ่าย
การคำนวณค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย
- คำนวณมูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับ (NRV)
โดยต้นทุนในการขาย 110 บาท มาจากค่านายหน้าในการขาย 50 บาท และค่าขนส่ง 60 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องมีเพื่อให้ขายสินค้าได้
2. เปรียบเทียบ “ราคาทุน” และ “มูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับ (NRV)”
โดยสินค้าคงเหลือต้องแสดงด้วยมูลค่าราคาทุน หรือ มูลค่าสุทธิที่จะได้รับแล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า ดังนั้นราคาทุน 500 บาทที่รับรู้ในบัญชีจึงสูงเกินไป เนื่องจากมีมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับจากการขายมีเพียง 410 บาท กิจการจึงต้องปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือลง โดยการรับรู้ค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย 90 บาท
3. การคำนวณค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยในงบการเงิน
โดยกิจการมีงานระหว่างทำทั้งหมด 2 ชิ้น ดังนั้นจึงต้องรับรู้ค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยในงบการเงิน 180 บาท
ผลกระทบของค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยต่องบการเงิน
จากตัวอย่างข้างต้น รายการบัญชีที่กิจการจะต้องบันทึก คือ
- ค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย เป็นรายการปรับลดมูลค่า ซึ่งแสดงรวมอยู่ใน “บัญชีสินค้าคงเหลือ” ในงบฐานะการเงิน โดยเป็นรายการสินทรัพย์หมุนเวียน ดังนั้นรายการค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยส่งผลให้ “สินทรัพย์ของกิจการลดลง”
2. ผลขาดทุนจากค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย เป็นรายการค่าใช้จ่าย ซึ่งแสดงรวมอยู่ใน “บัญชีต้นทุนขาย” ในงบกำไรขาดทุน ดังนั้นการบันทึกค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยเพื่อปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือลงจะส่งผลให้ “ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น” และกิจการมีกำไรน้อยลง
บทสรุป
ค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย คือ รายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือเพื่อไม่ให้แสดงมูลค่าสูงเกินจริง โดยกิจการจะบันทึกค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยก็ต่อเมื่อ “ราคาทุนของสินค้า” มีมูลค่ามากกว่า “มูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับ (NRV)” ซึ่งการบันทึกดังกล่าวจะส่งให้มูลค่าสินทรัพย์ในงบฐานะการเงินลดลง และต้นทุนขายในงบกำไรขาดทุนเพิ่มขึ้น ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย รวมทั้งผลกระทบของค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยที่มีต่องบการเงินมากยิ่งขึ้น