สารบัญ
ทำไมการเลือกสำนักงานบัญชีที่ใช่จึงสำคัญต่อธุรกิจ
การเลือกสำนักงานบัญชีที่ดีและที่ใช่นั้นมีความสำคัญมาก หลักๆแล้วงานของสำนักงานบัญชีก็คือจัดการเรื่องบัญชีและภาษีให้กับทางบริษัท แต่จริงๆประโยชน์ที่บริษัทได้รับอาจมีมากกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่น
-
- ช่วยเรื่องความถูกต้องและน่าเชื่อถือในรายงานทางการเงิน
- ช่วยให้การปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมาย
- ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรของผู้บริหาร ให้ไปใส่ใจเรื่องของธุรกิจได้มากขึ้น
- ช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจ
การเลือกสำนักงานบัญชีที่ดีจึงเป็นเรื่องที่มากกว่าแค่เรื่องบัญชีและภาษี
ทำความรู้จักกับสำนักงานบัญชีมืออาชีพ
โดยปกติแล้วขอบเขตงานของสำนักงานบัญชี จะทำทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบัญชีและภาษีดังนี้
-
- งานด้านการจัดทำบัญชี
-
-
- บันทึกรายการค้า: บันทึกรายได้ ค่าใช้จ่าย ทรัพย์สิน หนี้สิน อย่างเป็นระบบ
- จัดทำสมุดบัญชี: เช่น สมุดรายวัน ซื้อ ขาย จ่าย รับ, สมุดบัญชีแยกประเภท และ งบทดลอง
- จัดทำงบการเงิน: งบฐานะการเงิน, งบกำไรขาดทุน, งบกระแสเงินสด เพื่อแสดงผลประกอบการและฐานะทางการเงินของธุรกิจ
-
-
- งานด้านภาษีอากร
-
-
- คำนวณและยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ทุกเดือน
- คำนวณและยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1, 3, 53, 54): ทุกเดือน (ตามประเภทรายได้)
- จัดทำและยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50, 51): กลางปีและปลายปี
- ให้คำปรึกษาการวางแผนภาษี เพื่อให้ธุรกิจเสียภาษีอย่างถูกต้องและประหยัดที่สุดภายใต้กรอบของกฎหมาย
- เป็นตัวแทนติดต่อกับกรมสรรพากร ในกรณีที่มีการตรวจสอบหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติม
-
-
- งานด้านประกันสังคม
-
-
- ขึ้นทะเบียนนายจ้างและลูกจ้าง กับสำนักงานประกันสังคม
- คำนวณและยื่นเงินสมทบประกันสังคมรายเดือน
- ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ และการปฏิบัติตามกฎหมายประกันสังคม
-
-
- งานด้านการจดทะเบียนและการเปลี่ยนแปลง
-
-
- จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท/ห้างหุ้นส่วน กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
- จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20):
- ดำเนินการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ เช่น เปลี่ยนที่อยู่, กรรมการ, เพิ่มทุน/ลดทุน เป็นต้น
-
-
- งานบริการให้คำปรึกษา (Advisory Services):
งานในส่วนนี้อาจมีเฉพาะสำนักงานบัญชีใหญ่ ที่มีผู้เชี่ยวชาญอย่างเพียงพอ
-
-
- วิเคราะห์งบการเงิน: เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจ
- วางแผนทางการเงิน: ช่วยในการบริหารกระแสเงินสด การลงทุน หรือการขอสินเชื่อ
- ให้คำแนะนำด้านการควบคุมภายใน: เพื่อป้องกันการทุจริตและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง: เช่น การทำสัญญา การจ้างงาน (ในขอบเขตที่เกี่ยวข้องกับบัญชีและภาษี)
-
ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกสำนักงานบัญชี
มีปัจจัยบางอย่างที่สามารถนำไปใช้เป็นเกณฑ์เบื้องต้นในการเลือกสำนักงานบัญชีที่มีคุณภาพได้
-
- ใบอนุญาตและความน่าเชื่อถือ
นี่คือปัจจัยแรกที่ควรตรวจสอบเลยครับ
-
-
- การขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชี ผู้ทำบัญชีจะต้องมีการขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชี ให้ตรวจสอบหลักฐานในการขึ้นทะเบียนเหล่านั้นว่าสำนักงานที่เราสนใจมีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องแล้ว
- ใบอนุญาตผู้สอบบัญชี ผู้สอบบัญชีเป็นผู้ที่มีความรู้มากในด้านบัญชีภาษี เนื่องจากต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นจากสภาวิชาชีพบัญชี นอกจากนี้ยังต้องเก็บชั่วโมงในการทำงานอีกอย่างน้อย 3,000 ชั่วโมง ดังนั้นสำนักงานบัญชีไหนที่มีผู้สอบบัญชีเป็นเจ้าของ เราก็สามารถมั่นใจได้ระดับนึงว่าสำนักงานนี้มีความรู้และความเชี่ยวชาญ
-
-
- ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
เริ่มต้นเราอาจจะวิเคราะห์จากประสบการณ์ของหัวหน้าสำนักงานบัญชี ว่ามีประสบการณ์มาแล้วกี่ปี และที่สำคัญเคยทำตำแหน่งอะไรมาก่อน นอกจากนี้เราอาจดูว่าทางสำนักงานเคยมีการทำบัญชีให้แก่ธุรกิจแบบเดียวกับของเราหรือไม่ ถ้ามีทางสำนักงานบัญชีจะเข้าใจลักษณะเฉพาะของอุตสาหกรรม ปัญหาที่พบบ่อย และกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องได้ดีกว่า
-
- บริการที่นำเสนอ
ให้พิจารณาว่าบริการที่สำนักงานนำเสนอครอบคลุมความต้องการของธุรกิจคุณในปัจจุบันหรือไม่ เช่น การทำบัญชีรายเดือน, การยื่นภาษี, ประกันสังคม และหากธุรกิจของคุณมีการเติบโตในอนาคต พวกเขาสามารถรองรับบริการที่ซับซ้อนขึ้นได้หรือไม่
-
- เทคโนโลยีและการทำงาน
การนำเทคโนโลยีมาใช้ ให้วิเคราะห์ว่าสำนักงานบัญชีใช้โปรแกรมบัญชีที่ทันสมัยหรือไม่ (เช่น โปรแกรมบัญชีออนไลน์, Cloud-based accounting software) ซึ่งจะช่วยให้การทำงานรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ความสะดวกในการส่งเอกสารก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณา ว่ามีระบบการส่งเอกสารที่สะดวกและปลอดภัยหรือไม่ เช่น การอัปโหลดผ่านระบบออนไลน์ หรือวิธีการรับส่งเอกสารที่ชัดเจน
-
- ราคาและค่าบริการ
โครงสร้างค่าบริการมีความชัดเจน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่าบริการมีความโปร่งใส ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และครอบคลุมบริการอะไรบ้าง และที่สำคัญราคาที่นำเสนอมีความคุ้มค่าหรือไม่
-
- ปริมาณงานเทียบกับจำนวนพนักงาน
ข้อมูลส่วนนี้อาจจะหายากหน่อย อาจได้มาจากการสอบถาม ประกอบกับการวิเคราะห์ตัวเลขในงบการเงินของสำนักงานบัญชีที่คุณกำลังสนใจ โดยปกติแล้วผมคิดว่าอัตราส่วนที่เหมาะสมสำหรับพนักงานบัญชี 1 คน ที่จะรับทำบัญชีได้คือประมาณไม่เกิน 15-20 บริษัท หากเกินนี้อาจแสดงว่างานของพนักงานบัญชีนั้นมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพงานได้
คำถามที่คุณควรถามก่อนตัดสินใจเลือกสำนักงานบัญชี
อันนี้เป็น List คำถามที่สำคัญ ที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
-
- คุณมีประสบการณ์กับธุรกิจในอุตสาหกรรมประเภทเดียวกับเราหรือไม่ และเคยดูแลธุรกิจที่มีขนาดใกล้เคียงกันมามากน้อยแค่ไหน?
- ทีมงานหลักที่จะดูแลบัญชีของเรามีคุณสมบัติและใบอนุญาตอะไรบ้าง?
- คุณติดตามการเปลี่ยนแปลงกฎหมายภาษีและมาตรฐานการบัญชีอย่างไร และจะแจ้งให้เราทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้อย่างไร?
- บริการพื้นฐานที่ครอบคลุมในแพ็คเกจค่าบริการมีอะไรบ้าง และมีบริการเสริมอะไรที่เราสามารถเลือกได้อีก?
- คุณใช้โปรแกรมบัญชีหรือเทคโนโลยีใดในการทำงาน และเราจะสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของเราได้อย่างไร?
- กระบวนการส่งเอกสารและรับข้อมูลของคุณเป็นอย่างไร และมีช่องทางการสื่อสารหลักอะไรบ้าง?
- คุณมีกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างไร เพื่อลดข้อผิดพลาด?
- จำนวนบริษัทเฉลี่ยที่พนักงานบัญชี 1 คนรับในการทำบัญชี (หากปริมาณมีมากเกินไป อาจทำให้งานไม่มีคุณภาพ)
สรุป
ในการเริ่มต้นทำธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล การเลือกสำนักงานบัญชีที่ดีและที่ใช่นั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก หากเลือกผิดอาจทำให้มีปัญหามากมายต่างๆตามมา ทั้งในเรื่องของ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงเรื่องของข้อมูลที่ผู้บริหารอาจไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ปัจจัยสำคัญที่ควรเอาไว้ใช้พิจารณาเลือกสำนักงานบัญชีมีดังนี้
-
- ใบอนุญาตและความน่าเชื่อถือ
- ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
- บริการที่นำเสนอ
- เทคโนโลยีและการทำงาน
- ราคาและค่าบริการ
- ปริมาณงานเทียบกับจำนวนพนักงาน
ทางสำนักงาน BMU ของเราก็มีบริการทางด้านบัญชี ด้วยเช่นกัน หากสนใจดูรายละเอียดได้ที่
https://bmu.co.th/service/accounting-services/accounting/